วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2567


 วิสาหกิจชุมชนทิพภาอาร์ต

ก่อตั้งโดยคุณทิพภา จิรวรเมธา  ด้วยคุณทิพภามีทักษะด้านการตัดเย็บเสื้อผ้า และเห็นว่าเสื้อผ้าเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่คนส่วนใหญ่เลือกซื้อ  จึงได้จัดตั้งวิสาหกิจขึ้น

ซึ่งแบบเสื้อผ้าส่วนใหญ่ เป็นแบบสวมใส่ทั่วไป แบบไม่เฉพาะเจาะจง เป็นแบบที่ใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง




ปี 2566-2567  คุณทิพภาได้เข้าร่วมโครงการสืบสานเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (สินค้าพรีเมี่ยม) จึงได้มีการออกแบบร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ พัฒนาผลิตภัณฑ์ จรกระทั่งได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นผ้าคลุมไหล่แบบมีฮู้ด ที่สามารถใช้ได้ทั้งชายและหญิง ไม่จำเป็นต้องมีขนาดไซส์ และเสริมอัตลักษณ์ของจังหวัดสมุทรปราการเข้าไปด้วยการตอกพิมพ์ลายใบโพธิ์ทะเล  การปักนกนางนวล



ติดต่อ

โทร.  094-567-0110

ไลน์   0945670110

ที่ตั้ง  83/96 หมู่ 20 ต. บางพลีใหญ่  อ. บางพลี  จ. สมุทรปราการ 10540

 วิสาหกิจชุมชนกลุ่มอาชีพกระเป๋าหนังแท้

วิสาหกิจชุมชนกระเป๋าหนังแท้ ตั้งอยู่ที่อำเภอธัญบุรี จ. ปทุมธานี  โดยมีประธานกลุ่มคือคุณ ปทุมทิพย์ เอี่ยมสะอาด เป็นประธานกลุ่ม

แรงบันดาลใจที่ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์กระเป๋าหนังแท้ มีความพิเศษอยู่ตรงที่ กลุ่มวิสาหกิจนี้ต้องการช่วยลดขยะในชุมชน  จึงได้ลงทุนจำนวนหนึ่งไปซื้อเศษหนังจากโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์ ที่เป็นเศษเหลือจากการตัดเฟอร์นิเจอร์แล้ว และต้องกำจัดทิ้ง   






แต่ทางกลุ่มฯ เห็นว่า หนังนี้ยังสามารถนำใช้ประโยชน์ได้ และประธานกลุ่มและสามีมีความรู้เรื่องการเย็บรองเท้าหนัง  จึงได้ซื้อเศษหนังเหลือเหล่านี้ มาตัดต่อ และขึ้นรูปเป็นกระเป๋า 

โดยแต่ละใบ จะมีลวดลายที่ไม่เหมือนกัน  ถือว่าเป็นใบเดียวในโลกก็ว่าได้

จนกระทั่งปี 2567  กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯ นี้ มีโอกาสได้เข้าร่วมโครงการสืบสานเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ให้เป็นผลิตภัณฑ์พรีเมี่ยม ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม

มีผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความรู้  ให้คำแนะนำ  จนกระทั่งทางกลุ่มฯ สามารถพัฒนากระเป๋า เป็นผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่  ใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชั่น มีความสวยงาม  โดยยังคง concept เป็นกระเป๋าที่ทำจากเศษหนังมาต่อๆ กัน

เป็นการช่วยลดโลกร้อน  ช่วยลดการเผาไหม้จากการกำจัดเศษหนัง  ถือเป็นสินค้าที่อินเทรนด์ ราคาย่อมเยา และสวยงามไม่เบาค่ะ


ติดต่อ :

Tel. 0814855812​

Line : 0814855812​

FB  กระเป๋าหนังแท้ Pathumthip


 

 กระเป๋าหนังจระเข้ บัวบุปผา Buppa lether

คุณบุปผาเริ่มต้นทำธุรกิจจากการเป็นพนักงานในโรงงานผลิตกระเป๋าทำจากหนังจระเข้

จนทำมาสักระยะหนึ่ง เจ้าของเดิมได้เลิกกิจการ และคุณบุปผา ได้รวบรวมเงินจำนวนหนึ่งสานต่อกิจการเล็กๆ ในขณะนั้น   จนกระทั่งปัจจุบันผ่านมาแล้วเกือบ 20 ปี  คุณบุปผามีประสบการณ์ในการควบคุมการผลิตและการตลาด




ในปี 2567  คุณบุปผาได้นำพากิจการเข้าร่วมโครงการสืบสานเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ (พรีเมี่ยม)  และได้มีการออกแบบกระเป๋าใส่ Tablet เพื่อให้เข้ากับยุคปัจจุบันมากขึ้น จากเดิมที่มีแต่กระเป๋ารูปทรงเดิมๆ  แบบทั่วๆ ไป  เป็นกระเป๋าใส่ Tablet  และสามารถสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี



ติดต่อคุณบุปผา :

Tel.  818353781

FB : Buabuppa leather กระเป่าหนังจระเข้

ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องหนังจระเข้  จ. สมุทรปราการ

รับผลิตและออกแบบส่งทั่วประเทศ






วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ความทรงจำดีๆ...ที่ปาย (ตอน 1)


วันนี้อากาศดี ทำงานสำเร็จไปได้อีกขั้นแล้ว จึงอยากใช้เวลาพักผ่อน ออกกำลังใจโดยการเขียนบล็อคดีๆ สักเรื่องหนึ่งค่ะ นั่งอ่านบล็อคเรื่องที่ผ่านมาของตัวเองแล้วก็นึกได้ว่ายังมีอีกเรื่องที่น่าจะบันทึกไว้ คือเรื่องราวดีๆ ที่ ปาย

ปลายปี 2551 ฉันมีโอกาสขึ้นเหนือโดยการนั่งรถไฟไปกับคุณน้อง ขาเที่ยวประจำปี เราจองทัวร์ปายกันไว้ที่เชียงใหม่ค่ะ ไปกัน 4 คน คือ ฉัน คุณน้อง ปุ้ม และหนูนิล เมื่อถึงสถานีรถไฟเชียงใหม่ ไกด์ใจดี (จำชื่อพี่เค้าไม่ได้แล้ว) ก็มารับเพื่อไปแจมกับเพื่อนๆ ที่ตามมาสมทบโดยเครื่องบินอีกหลายคน

ทริปนี้เรามีเวลา 3 วัน ตั้งใจจะเที่ยวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ จึงใช้บริการทัวร์ โดยเริ่มตั้งแต่สถานีรถไฟที่เชียงใหม่ จากนั้นก็แวะรับประทานก๋วยเตี๋ยวแสนอร่อยมื้อแรกที่ร้านอาหารในเมือง



หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว พี่คนขับก็พาพวกเรามุ่งหน้าโดยมีจุดหมายปลายทางที่เมืองปาย.....ที่เค้าว่ากันว่าเป็นดินแดนแห่งธรรมชาติและความโรแมนติก Oh .... Pai in love ..... please be with me


ด้วยเส้นทางจากเชียงใหม่ถึงปายเป็นธรรมชาติที่งดงาม พวกเราจึงอดไม่ได้ที่จะแวะข้างทาง ไปถึงช้าก็ช่าง เราต่างอยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์เที่ยวครั้งนี้อย่างเต็มที่
























เที่ยวสวนสน


เค้าว่ากันว่า ใครมาที่นี่ ต้อง.....กระโดด นึง ส่อง ส้ำ



เที่ยวออบหลวงเป็นของแถม


เกือบบ่าย ยังไม่ทันเข้าเขตเมืองปายดี พวกเราก็หิวกันอีกแล้ว ทั้งโค้งมหาโหดสมฉายา อ้วก + หลับ = ปาย และยังแวะกระโดดอีก เสียพลังงานไปเยอะเลยค่ะ จึงแวะพักรับประทานอาหารที่อร่อยมาก ก ก กันอีกครั้ง
























อากาศเย็นสบายที่ทุ่งบัวตอง ดอยแม่อูคอ จ. แม่ฮ่องสอน

การเดินทางแบบไม่รีบร้อน ทำให้ค่ำวันนั้นเราเข้าไปเพียงปลายเขตแม่ฮ่องสอน ยังไม่สัมผัสปายดินแดนในหุบเขาเท่าใดนัก แต่พวกเราก็พอใจเพราะเพียงแค่สูดกลิ่นอายของวัฒนธรรมท้องถิ่น และลมหนาวบนยอดทุ่งบัวตอง ก็ทำให้เราลืมความเป็นคนเมืองไปชั่วขณะ ฉันตะลึงกับธรรมชาติรอบตัว จนลืมไปว่า ได้ทิ้งภารกิจอันหนักอึ้งมากมายไว้เบื้องหลังชั่วคราว และตักตวงประสบการณ์ความสุขตรงหน้าให้เต็มที่....

ค่ำนั้นพวกเราดื่มด่ำกับธรรมชาติยามราตรี และถนนคนเดินแบบพื้นเมืองที่แม่ฮ่องสอนเพียงเล็กน้อย เพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง จึงเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่

อเตรียมตื่นเช้าพบกับพระอาทิตย์ขึ้นที่ยอดดอยที่ทุกคนรอคอย....ห้วยน้ำดัง






.....เช้าวันใหม่ ฉันตื่นตอนตอนประมาณตีสี่กว่า เพื่อเตรียมตัวไปรับอรุณเบิกฟ้ากันที่ห้วยน้ำดัง ยอดเขาสูงกลางหุบเขา มีจุดชมวิวที่เชื่อกันว่า เราจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครๆ กันที่นั่น อากาศที่หนาวเย็น บวกกับความเป็นธรรมชาติของป่าไม้ ทำให้ฉันสูดอากาศเช้าเข้าไปอย่างเต็มปอด หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง เพราะมัวแต่เตรียมกล้อง และแอคท่าถ่ายรูป นานๆ จะได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบนี้สักทีหนึ่ง















พวกเราเฝ้ารอดูพระอาทิตย์ขึ้นกันอย่างใจจดใจจ่อ .... และในที่สุดพระอาทิตย์ดวงเดียวกับที่บ้าน ก็ปรากฎตัวขึ้นที่ห้วยน้ำดัง ...... แม้เป็นอาทิตย์อุทัยดวงเดียวกัน แต่ว่าความรู้สึกช่างต่างกันเหลือเกิน



เรื่องราวที่ปาย ยังมีต่ออีก 2 วันค่ะ แล้วจะมาเล่าต่อในบันทึกไปกินกัน (และไปเที่ยวกันด้วย) ในครั้งหน้าค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553


To sit with you & me......

จั่วหัวเรื่องออกแนวโรแมนติกนิดนึงค่ะ...... เรื่องมันมีอยู่ว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา 29 พ.ค. 53 หลังเลิกเรียนเรื่อง Marketing Tools ที่มีเนื้อหาอันแสนเข้มข้นแล้ว พวกเราชาว The Gang ก็มีนัดกันไป OJT ต่อทันทีเพื่อโหมไฟที่ลุกโชนให้ต่อเนื่อง (ไฟในการทำงานค่ะ....ไม่อาวน่า อย่าคิดมาก) มีผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาด (มืด) หลายท่านเสนอร้านกันมามายให้พวกเราไป pre-audit เพื่อเป็นการให้เครดิตปุ๊กขอเอ่ยชื่อท่านผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้หน่อย นั่นคือ....แต่น แต๊น .... พี่หนึ่งกะน้องเบนซ์ค่ะ มิไยที่พวกเราจะเป็นห่วงเรื่องที่นั่งและอาหาร ทันใดนั้นทั้งสองก็หยิบโทรศัพท์มากดสั่งการเลขาส่วนตัวทันทีให้เช็คราคาห้องและ nego เรื่องส่วนลดเรียบร้อย เป็นอันว่าพวกเราก็มา brainstorming กันต่อที่ร้าน TO SIT ในย่าน town in town



มากันพร้อมหน้าชั่วเวลาไม่กี่นาที บอกแล้วว่าไฟแรงสุด ๆ ....






มือโปรของเราคุณปุ้ม ก้มหน้าก้มหน้าเลือกเมนู (เพลง) อย่าขะมักเขม้น





มันเกิดขึ้นแล้วที่นี่.....แต่เราก็หา...กัน...จนเจอ พี่แบดกะเบนซ์







พี่ปุ้มกะเบนซ์ (มาอีกแล้ว) โอ พระเจ้า จะไม่ให้เบนซ์วางไมค์กันบ้างหรือไร






ทุกคนอินสุดๆ กับสุนทราภรณ์ ยกเว้นเอ็ม อาร์ทตัวพ่อที่ยัง build อารมณ์อยู่อย่างงงๆ (ยุคไหนฟระ)





เอ็มว่าเปลี่ยนกลยุทธ์เป็น บี้ เดอะสตาร์ดีกว่าอ่ะ






ใครจะดีจะร้ายยังไง.....ฉันไม่ต้องการฟัง........อยากอยู่เงียบๆ คนเดียว



คนหน้าตาดี มักมาอยู่รวมกัน



น่าจับมาร้องเพลงของ "ดอกไม้ป่า"


ดูโอ คู่นี้ร้องเพลงประวัติศาสตร์ของคริสติน่า คริคริ พวกเรารุ่นเดียวกัน

เหตุการณ์สงบลงด้วยดีตอนเวลา 2 ทุ่มยังไม่ครึ่ง บ่งบอกถึงวัยของ The gang (วัยเด็กรีบนอน พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน) พวกเราอำลากันด้วยเพลงร่วมสมัย อภิมหาอมตะ นิรันดร์กาล..... Nothing gonna change my love for you ........บ๊าย บาย ค่ะ

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

ทัวร์ยกแก็ง....ไม่แพงอย่างที่คิด




นี่ไม่ใช่โฆษณาชิงโชคของชาเขียวชื่อดังนะคะ แต่ครั้งนี้จะพาไปกินกันแบบม้วนเดียวจบทั้ง 4 ภาคทั่วไทยภายในวันเดียว ประหยัดทั้งเวลาและเงินในกระเป๋า เตรียมตัวพร้อมแล้วก็เริ่มเลยค่ะ

หลังจากทำงานแทบทุกวันในช่วงสงกรานต์ไม่ได้พาพ่อแม่ไปเที่ยวที่ไหน วันนี้จะไปพัทยาเพื่อเอาเอกสารไปส่งเรื่องงาน จึงคิดว่าน่าจะพาพ่อและแม่ไปเที่ยวด้วย นั่งนึกดูแล้วที่ๆ เหมาะสมกับทั้งสองที่สุดน่าจะเป็นตลาดน้ำสี่ภาค ไม่รอช้ายกหูโทรศัพท์แล้วชวนทันที พ่อฉันเป็นคนชอบหาประสบการณ์จากการไปเที่ยวอยู่แล้ว ทั้งสองรีบเตรียมตัวแล้วเราก็เริ่มลุยกันเลย


ตลาดน้ำสี่ภาค อยู่ติดถนนสุขุมวิท เลยไฟแดงทางเข้าพัทยาใต้ไปประมาณ 1 กม. ซ้ายมือ ฟังชื่อก็รู้แล้วว่าเป็นตลาดน้ำ และมีครบทั้งสี่ภาค วันนี้จึงเตรียมแรงและเตรียมท้องมากินกันอย่างเต็มที่





นานๆ จะได้ถ่ายภาพคู่กะแม่ซักทีนึง




มีป้ายบอกทางเสร็จสรรพว่าจะไปภาคไหนก่อนดี ?



จุดชมวิวบนสะพาน คล้ายกับสะพานแขวนข้ามแม่น้ำแถวๆ ภาคเหนือ



















ไอศครีมมะพร้าวอ่อนและหอยเชลล์ปิ้งกับเนย เห็นแล้วน้ำลายหก




แถวนี้คล้ายอัมพวา






ร้านนี้เรียกลูกค้าด้วยการทำรองเท้าแตะยักษ์ตั้งไว้หน้าร้าน



ร้านแม่ไม้เพลงไทย เอาลำโพงมาตั้งหน้าร้านแถมยังมีที่นั่งให้ลูกค้าลองฟังเพลง (เก๊า เก่า) อีกด้วย ทำให้พ่อฉันต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าซีดีเพลงของ ชาญ เย็นแข 170 บาท ด้วยความเต็มใจ !



บรรยากาศแบบว่า...สมัยร้านโอเลี้ยงหน้าปากซอยยังไม่เป็น coffee in love

ของโปรดสมัยเด็กเลยแหละสีสันน่าหม่ำเหมือนเดิม มันคือน้ำตาลปั้นรูปคนตกปลาค่ะ



ไปแอ่วเหนือ มีร้านถ่ายรูปเหมือนไนท์บาซ่าไม่มีผิด



งานหัตกรรมฝีมือชาวอีสานบ้านเฮา



เผลอแผล่บเดียวเดิน(ทาง) มาถึงภาคใต้แล้ว



นั่งตากลม ชมวิว

ทำให้คนที่รักทั้งสองมีความสุข


ก่อนอาทิตย์จะลาลับ เราทั้งสามแวะถ่ายรูปที่จุดชมวิวบนเขา สทร.พัทยา เป็นการอำลาวันนี้อย่างสมบูรณ์